เนื่องจากการ สมัคร Amazon แบบเก่าปี 2019 มีหลายขั้นตอนที่เปลี่ยนไป เลยถือโอกาสลองสมัครเอง แล้วเขียนบทความใหม่ขึ้นมาให้ลองทำตามกันแบบละเอียดไปเลย ไม่ว่าจขายแบบไหน FBA, FBM, หรือ ดรอปชิป
1.สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนการสมัคร (อ้างอิงตาม Amazon Global Selling)

- E-mail address สำหรับเปิดบัญชี
- ชื่อธุรกิจและที่อยู่
– บุคคลธรรมดา : ใช้ชื่อตามบัตรประชาชน
– นิติบุคคล : ใช้ชื่อบริษัท - บัตรประชาชน
– แสกนสี หน้า/หลัง ห้ามมีการเขียนใดๆ (แสกนส่งให้ทางAmazon) - เลขที่บัตรประชาชน / Passport
– บุคคลธรรมดา : เลขที่บัตรประชน / Passport ของผู้สมัคร
– นิติบุคคล : เลขที่บัตรประชาชนของผู้ที่มีอำนาจลงนามหรือเลขทะเบียนนิติบุคคล - เบอร์โทรเพื่อใช้ยืนยันตัวตนผ่านทางโทรศัพท์
- บัตรเครดิต
– หมายเลขบัตรเครดิต
– วันหมดอายุของบัตร
– รายละเอียดของเจ้าของบัตร
– ที่อยู่สำหรับเรียกเก็บเงิน - Bank statement ภาษาอังกฤษ
– มีอายุไม่เกิน3เดือน
– แสกนตัวจริงที่มีตราประทับจากธนาคาร
– ที่อยู่บุคคล/บริษัท เดียวกับที่ดรอกในการสมัครAmazon account - บัญชี e-wallet เนื่องจาก BBLยกเลิกการโอนเงินแล้ว แต่สามารถรับเงิน Amazon ผ่านทาง Payoneer หรือ Hyperwallet หากไม่แน่ใจอ่านที่นี่ อันไหนน่าใช้กว่า
**สมัครด้วยคอม**
**สมัครด้วยมือถือ**
คลิกสมัครที่นี่ เพื่อรับ $35 ฟรี เมื่อโอนครบ $1000 และยกเว้นค่าธรรมเนียมโอนเข้า 1% เป็น 0%
ใครที่มียอดมากกว่า $2500 ต่อเดือนมีสิทธิพิเศษเพิ่มเติม ให้ติดต่อมาก่อนจะสมัคร
**5 เหตุผลทำไม Payoneer ดีกว่า Hyperwallet**
2.เริ่มต้นสมัครบัญชี (Create Account)
- เข้าหน้าเว็บไซต์ amazon.comแล้วเลื่อนลงล่างสุดหาคำว่า “sell on amazon” เพิ่อเข้าสร้างบัญชี โดยจะเลือกสมัครแบบ Professional หรือแบบ Individual ก็แล้วแต่ ขั้นตอนจะไม่แตกต่างกัน
- หลังจากนั้นก็คลิกสมัครเพื่อไปยังหน้าเริ่มต้นสมัครบัญชี
- ช่อง Your name: กรอกชื่อตามบัตรประชาชน มีคำนำหน้าชื่อเช่น MR. MS. ก็ให้กรอกไปด้วยนะครับ
- ช่อง Email: กรอกอีเมล์ที่ใช้
- ช่อง Password: ตั้งรหัสผ่านโดยต้องมีอย่างน้อย 6 ตัวอักษร แนะนำตั้งให้รัดกุม อย่าให้ซ้ำกับอีเมล์ที่ใช้เพื่อป้องกันการโดนแฮก
- ช่อง Re-enter password: ใส่รหัสผ่านอีกครั้ง
- คลิกถัดไป
เริ่มต้องสร้างบัญชี amazon.com
- ช่อง Enter OTP: ให้นำรหัสที่ได้จาก Amazon ที่ส่งผ่านทางอีเมล์มากรอก เพื่อยึนยันความเป็นเจ้าของอีเมล์
- หากไม่ได้รับให้กดส่งรหัสอีกครับ Resend OTP
- คลิก Create your Amazon account เพื่อไปยังขั้นตอนถัดไป

3.เริ่มต้นสมัครบัญชีขาย (Set up your Amazon selling account)
- เช็คให้แน่ใจอีกครั้งว่าเอกสารเตรียมพร้อมแล้วตามที่เขียนอธิบายไว้ในข้อ 1 อย่ามั่วไม่งั้นอาจ โดน Amazon แบน
- ช่อง Business Location: ให้เลือก Thailand
- ช่อง Business Type: ให้เลือก None, I’m an Individual หากสมัครในนามบุคคล ถ้าสมัครในนามบริษัทก็เลือกประเภทให้ถูกต้อง หลักๆก็น่าจะเป็น privately-owned business

- ช่อง Your Name: ให้กรอกชื่อนามสกุลตามบัตรประชาชน มีคำนำหน้าชื่อเช่น MR. MS. ก็ให้กรอกไปด้วยนะครับ หรือชื่อบริษัทหากสมัครในนามบริษัท เป็นภาษาอังกฤษ
- ใครมี Middle name ก็ให้ใส่ไปด้วย (คนไทยส่วนใหญ่ไม่น่าจะมี)
- คลิก Agree and Continue (ตรงนี้หมายถึงเรายอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขต่างๆแล้ว ถึงจะไม่ได้อ่านมันก็ตาม)

4.กรอกข้อมูลส่วนตัว (Individual Information)
- ช่อง Country of citizenship: เลือก Thailand หากเราเป็นพลเมืองประเทศไทย
- ช่อง Country of birth: เลือก Thailand หากเราเกิดในประเทศไทย
- ช่อง Date of birth: ใส่วันเดือนปีที่เกิด
- ช่อง Proof of identity: เลือกเอกสารที่เราจะใช้ยืนยันตัวตน ตัวอย่างเลือก National Id หรือบัตรประชาชน แล้วกรอกเลขบัตรให้เรียบร้อย
- ช่อง Expiration date: กรอกวันหมดอายุบัตร
- ช่อง Country of issue: เลือกประเทศที่เราทำบัตร (บางคนใช้ passport ก็ต้องดูว่าออกโดยประเทศอะไร)

- กรอกที่อยู่ในช่อง Business address โดยตรงกรอกเป็นภาษาอังกฤษและต้องตรงกับที่อยู่บน เอกสารรายการบัญชีธนาคาร หรือบัตรเครดิต
- ช่อง Mobile number: ใส่เบอร์โทร โดยเลือกได้ว่าจะยืนยันตัวตนแบบโทรหรือแบบส่ง SMS
- คลิก Text me now หรือ Call me now เพื่อรับรหัสในการยืนยันตัวตน
- รอรับโทรศัพท์หรือSMS และใส่รหัส PIN ที่ได้รับให้ถูกต้อง
- คลิกถัดไป

5.เลือก Marketplaces ที่ต้องการขาย
- ขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นขั้นตอนใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเทียบกับปี 2019 โดยถือเป็นการช่วยให้ผู้ขายลงทะเบียนครั้งเดียวและเปิดขายได้หลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโซน North America, Japan, Europe และที่สำคัญเสียรายเดือน 39.99$ เท่าเดิม ถือว่าช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ แต่อย่างไรก็ตามขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารแต่ละที่ก็อาจจะแตกต่างกันออกไป
- ในตัวอย่างด้านล่างคือเลือกทั้ง 3 กลุ่ม
- FAQ1: เราเลือกแค่บางอันได้ไหม? – คำตอบคือ ได้
- FAQ2: โดนเก็บ 39.99$ เมื่อไหร่? – คำตอบคือ ทันทีที่สมัครเสร็จและมีการยืนยันข้อมูล
- FAQ3: ถ้าเลือกแค่ 2 ที่ โดนเก็บเงินเท่าไหร่? – คำตอบคือ ก็ยังได้โปรโมชันนี้คือเสีย 39.99$ เหมือนเดิม
- FAQ4: ถ้ายกเลิกบาง Marketplace ทีหลังจะเป็นไง? – คำตอบคือ โปรโมชันนี้คือจะให้คนที่สมัคร 2 marketpaces ขึ้นไป หากสมัครผ่านแล้วเราไปยกเลิกจนเหลือ 1 marketplace ค่าธรรมเนียนที่เสียก็จะจ่ายตาม Marketplace นั้นๆ เช่นยกเลิกแล้วขายเฉพาะ EU ก็จะเสีย 25 Pound, ยกเลิกจนเหลือแค่ JP ก็จะเสีย 4900 Yen, หรือยกเลิกเหลือแค่ North America ก็จะเสีย 39.99$

6.กรอกข้อมูลบัตรเครดิต (ฺฺBilling)
- การสมัครแบบเก่าของปี 2019 ตอนนั้นยังแนะนำว่าใช้บัตรเดบิตได้ แต่หลังจากนี้ไม่ค่อยแนะนำ ให้หาบัตรเครดิตให้ได้ ไม่มีก็ลองสมัครแบบวางเงินมัดจำดู หลายๆธนาคารทำได้อยู่แล้ว
- ช่อง Credit Card Number: ใส่เลขบัตรเครดิต 16 หลัก
- ช่อง Expire on: เดือนและปีหมดอายุของบัตร
- ช่อง Cardholder’s Name: ใส่ชื่อตามหน้าบัตร
- เลือกที่อยู่ของบัตรเครดิต หากเหมือนกับที่อยู่ที่กรอกไว้ตอนแรกก็คลิกเลือกได้เลย หากไม่เหมือนก็คลิก Add a new address เพื่อกรอกที่อยู่ใหม่
- FAQ1: เปลียนบัตรเครดิตทีหลังได้ไหม? – คำตอบคือ ได้
- FAQ2: ใช้บัตรอะไรได้บ้าง? – คำตอบคือ AMEX, VISA, และ MASTER CARD อย่างอื่นใช้ไม่ได้ครับ

7.กรอกข้อมูลร้าน (Store)
- ช่อง Store name: ใส่ขื่อร้านที่เราต้องการตั้ง หากไม่ซ้ำกับคนอื่นจะเห็นเครื่องหมาย Available ด้านหลัง
- ช่อง Do you have universal Product Codes(UPCs): ตอบ Yes ถ้าสินค้าเรามีบาร์โคดหรือ UPC ในการลงสินค้า หากไม่มีติ๊ก No
- ช่อง Are you the manufacturer or brand owner: ตอบ Yes ถ้าเราเป็นผู้ผลิตหรือเจ้าของแบรนด์ ตอบ No ถ้าไม่ใช่ หรือตอบ Some of them
- ช่อง Do you own trademark: หากเราตอบ Yes ว่าเราเป็นเจ้าของแบรนด์ จะมีการถามต่อว่าเราได้มีเครื่องไหมการค้าไหม(Trademark) ถ้ามีก็ตอบ Yes
- FAQ1: Store name คืออะไร? – คำตอบคือ ชื่อร้านที่ลูกค้าจะเห็นบน Amazon
- FAQ2: เราเปลี่ยน Store name ทีหลังได้ไหม? – คำตอบคือ ได้
- FAQ3: UPC คืออะไร? – คำตอบคือ เป็นรหัสมาตรฐานที่ใช้ระบุสินค้านั้นๆ โดยทั่วไป Amazon ต้องการให้ผู้ใช้กรอกรหัสสินค้าในขั้นตอนการสร้างลิสสินค้า โดยรหัสมาตรฐานที่ใช้กันคือ UPC คล้ายๆกันกรณีหนังสือที่จะมีรหัส ISBN

8.ยืนยันข้อมูลและส่งเอกสาร (Verification)
- คลิก Upload Nation ID: เพื่อส่งบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตตามแล้วแต่ที่เลือกเอาไว้ตอนแรก โดยใช้วิธีสแกนดีที่สุด
- คลิกเลือก Bank Account Statement: เพื่อส่งรายการบัญชีธนาคาร
- คลิกเลือก Credit Account Statement: เพื่อส่งรายการบัญชีบัตรเครดิต
- คลิก Upload Additional Document เพื่อส่งเอกสารที่ขอมาจากธนาคาร หรือ ใบเสร็จบัตรเครดิต (ต้องเป็นภาษาอังกฤษ)
- ทั้งนี้เอกสารที่ส่งควรอ่านให้ดีว่าเขาต้องการเอกสารแบบไหน
- คลิก Submit หลังจากเช็คเรียบร้อย และรอไม่เกิน 2 วันทำการเพื่อการตรวจสอบข้อมูลและเอกสารที่เราส่งไป




9.หลังตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อย เข้าจัดการตั้งค่า Two-Step Verification
- ในขั้นตอนการตรวจสอบ บางคนจะใช้เวลานานกว่านี้หากเอกสารที่ส่งไปมีปัญหา ข้อมูลไม่ถูกต้องหรืออื่นๆ แต่ถ้าไม่มีปัญหาอะไรไม่เกิน 2 วันก็จะเรียบร้อย

10.ล็อคอินเข้าร้าน ตั้งค่า Two-Step Verification
- ในขั้นตอนนี้ถือว่าสำคัญมาก ให้เตรียมเบอร์ที่เราใช้เป็นปกติอยู่แล้ว เพื่อเอาไว้รับรหัส OTP เมื่อมีการล็อคอินเข้าสู่ระบบร้าน วิธีการทำค้นหาได้ใน Youtube มีคนแชร์เอาไว้ค่อนข้างเยอะ
- ถือว่าสำคัญมากๆ ถ้าไม่อยากมีปัญหาเข้าร้านไม่ได้ในภายหลังก็ใช้เบอร์ที่เราใช้ประจำ
11.หน้าร้าน Amazon Seller Central หลังทำ Two-Step Verification
- หากสมัครผ่านไม่มีปัญหาอะไร ก็จะเหลือแค่ 2 ขั้นตอนที่ต้องทำให้เรียบร้อยคือ 1.กรอกข้อมูลด้านภาษี 2.กรอกข้อมูลบัญชีรับเงิน
- หากใครที่สมัครไม่ผ่านหรือมีปัญหา จะเจอข้อความด้านบนว่า Suspended หรือหมายถึง Amazon ได้ระงับร้านค้าไว้ชั่วคราวเพื่อให้ส่งเอกสารเพิ่มเติม ก็ให้เช็คอีเมล์ว่าต้องส่งเอกสารอะไรบ้าง

12.กรอกรายละเอียดภาษี (Provide your tax information)
- คลิก Start เพื่อเริ่มกรอกภาษี
- เลือก Individual หากสมัครแบบบุคคล เลือก Business หากสมัครในนามบริษัท
- ตอบ No เพื่อยืนยันว่าเราไม่ใช่คนอเมริกัน
- ช่อง Full name: กรอกชื่อตามบัตรประชาชน
- ช่อง Country Of Citizenship: เลือก Thailand
- ช่อง Permanent Address: กรอกที่อยู่อีกครั้ง
- คลิก Continue

- ติ๊กถูกตรงช่อง I consent to provide electronic signature
- ช่อง Signature: กรอกชื่อนามสกุลตามบัตรอีกครั้ง
- ช่อง Permanent Address: กรอกที่อยู่อีกครั้ง
- คลิก Save and Preview

- หลังจากยืินยันและส่งข้อมูลก็จะเสร็จสิ้นเรียบร้อย

13.กรอกรายละเอียดบัญชีรับเงิน (Set up your deposit method)
- ในตัวอย่างใช้บัญชี Payoneer โดยสมัครไว้ก่อนเลยให้พร้อม วิธีการก็ดูในวิดีโอด้านบน มีทั้งการสมัครแบบใช้ PC และใช้มือถือสมัคร
- ช่อง Bank Location: เลือก United State
- ช่อง Account Holder’s Name: ใส่ชื่อเจ้าของบัญชีให้เหมือนกับชื่อ Beneficiary Name ใน Payoneer
- ช่อง 9-Digit Routing Number: ใส่ให้เหมือนกับ Routing(ABA) ใน Payoneer
- ช่อง Bank Account Number: ใส่ให้เหมือนกับ Account Number ใน Payoneer
- ช่อง Re-type Bank Account Number: ใส่ให้เหมือนกับ Account Number ใน Payoneer


**ถอนเข้าธนาคารอะไรได้บ้าง**
**[มือถือ] ถอนเข้าธนาคารอะไรได้บ้าง**
14.เสร็จสิ้นการสมัคร พร้อมขาย
- เข้าหน้าร้าน Amazon seller central ไม่ควรจะมีเตือนอะไรอีกหากเปิดบัญชีได้เสร็จสมบูรณ์ นั่นหมายถึงพร้อมลงสินค้าขาย

หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับหลายๆคนที่กำลังเปิดบัญชีเพื่อขายสินค้าบน Amazon
ขายอะไรดี คู่แข่งเยอะไหม จะขายได้หรอ คำถามที่คนขายของต้องตอบได้เอง
ใครไม่แน่ใจว่า ส่ง FBA ดีไหมอ่านตรงนี้
ยิงโฆษณาขายดีแต่ขาดทุนต้องอ่าน ขายได้เยอะแต่ยังขาดทุน ค่า ACoS คืออะไร
เพิ่มยอดขายต้องอ่าน 19 เทคนิค ทำแล้วขายดี Amazon สำคัญมากๆ
ใครเคยโดนแบนหรือไม่อยากโดนแบน อ่าน 7 สาเหตุโดน Amazon แบน รู้ไว้ไม่โดนแบน
ใครโดนปิด ลองติดต่อมาดูนะครับ รับช่วยแก้เคส
========================================================================
ชอบบทความ ฝากกดไลค์ แชร์ กดติดตาม VAS247
ยังมีบทความดีๆอีกเพียบ
เนื่องจากเฟสบุ๊คมีการลดการมองเห็นลงไปเยอะ อาจจะทำให้พลาดข้อมูลสำคัญจากเพจ VAS247 และวิดีโออัพเดตต่างๆ อย่าลืมกด “See First” หรือ “เห็นโพสต์ก่อน” ส่วนใน Youtube ก็ https://bit.ly/2Vusl4r และอย่าลืมกดสั่นกระดิ่งไว้เพื่อเตือนเมื่อมีวิดีโอใหม่ๆ
========================================================================
A7 ECOM TOOLS เครื่องมือที่ผู้ขายควรใช้
◼️ดูวิธีใช้งาน A7 ECOM TOOLS ได้ที่ https://bit.ly/2Vicea2
◼️เข้าใช้งานได้ที่ va7.co https://bit.ly/39ZAvXF
◼️ติดตั้ง A7 Chrome Extension https://bit.ly/2Xqm7VG
โพสเก่าๆเรื่องการใช้งาน
1. Product Title & Keyword Optimize (100% Free)
https://www.facebook.com/vas247/posts/768242557040749
2. Keyword Cloner (Subscribe)
https://www.facebook.com/vas247/videos/264573911606012/
3. TrademarkAnywhere (Subscribe)
https://www.facebook.com/vas247/posts/763174547547550
========================================================================
ตัวช่วยหาสินค้า eBay จากหน้าเว็บ Amazon
========================================================================
ขายได้จริง ไม่ต้องยิงโฆษณา ด้วย Niche Keyword Finder
ขอให้โชคดีกับการขายสินค้าบน Amazon สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้เลย